พลังงาน
.
MEA PEA และ กฟผ. ร่วมประชุมคณะกรรมการปรับปรุงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า 3 การไฟฟ้า ครั้งที่ 53 ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ทั้งยังเตรียมความพร้อมรองรับแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและความต้องการไฟฟ้าจากรถ EV ที่มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้น
.
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการปรับปรุงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า 3 การไฟฟ้า ประกอบด้วย การไฟฟ้านครหลวง (MEA) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 53 ภายใต้แนวคิด Green Energy & Reliability โดยมีนายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการ MEA ในฐานะประธาน นายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบไฟฟ้า PEA นายณัฐวุฒิ ผลประเสริฐ รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. พร้อมคณะกรรมการและคณะทำงานของ 3 การไฟฟ้า ได้แก่
1) คณะทำงานปรับปรุงระบบป้องกัน
2) คณะทำงานด้านมาตรฐานอุปกรณ์และการบำรุงรักษา
3) คณะทำงานประเมินระดับความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า
4) คณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์
5) คณะทำงานศึกษาและกำหนดค่าที่เหมาะสมของ Power Quality
6) คณะทำงานความร่วมมือด้านสื่อสารโทรคมนาคม
7) คณะทำงานความร่วมมือด้านระบบไฟฟ้าแบบ Smart Grid และ
คณะทำงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ของเทคโนโลยีระบบปฏิบัติการ ร่วมประชุม ณ โรงแรม Centara Grand at CentralWorld กรุงเทพฯ
.
การประชุมนี้เป็นความร่วมมือของ 3 การไฟฟ้า ที่บูรณาการร่วมกันเพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าในด้านต่าง ๆ ให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า และภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ได้รับบริการด้านพลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ระบบไฟฟ้ามีความเพียงพอ มั่นคง เชื่อถือได้ และปลอดภัย โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากรถ EV ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้าเป็นวงกว้าง นับเป็นความท้าทายของ 3 การไฟฟ้า ทั้งในด้านการขับเคลื่อนนโยบาย และเทคโนโลยี ตอบสนองต่อความต้องการด้านพลังงานของประชาชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
.
นอกจากนี้ยังครอบคลุมการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงาน (Energy Storage Systems) ไฮโดรเจน หรือแบตเตอรี่ การใช้งานระบบ Smart Grid ในการบริหารจัดการแหล่งผลิตพลังงานและโหลดจาก EV ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยบริหารจัดการเวลาและปริมาณการชาร์จ (Smart Charging) ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ที่จะนำไปสู่การปรับปรุงระบบไฟฟ้าของประเทศไทยให้มีความมั่นคงและเชื่อถือได้ยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Comments