top of page

EGCO Group ได้รวบรวมเทรนด์ความยั่งยืนที่ธุรกิจควรจับตาในปี 2025 ไว้น่าสนใจ




 ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความเร่งด่วนและความท้าทายมากมาย ทำให้ปี 2025 นี้ หลายองค์กรเริ่มมองหาหรือพูดถึง “เทรนด์ความยั่งยืน” หรือ Sustainability Trend กันมากขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการปรับและเปลี่ยนธุรกิจของตัวเอง ซึ่งจะช่วยบรรเทาและลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  

.

 EGCO Group จึงรวบรวมเทรนด์ความยั่งยืนที่ธุรกิจควรจับตาในปี 2025 จากหนังสือ “เจาะเทรนด์โลก 2025: Beyond Imagination” โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) และบทความจากสถาบันพัฒนาการจัดการนานาชาติ (IMD) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสรุปได้เป็น 5 เทรนด์ความยั่งยืนที่น่าสนใจดังนี้

.

 เทรนด์พลังงานแสงอาทิตย์ ยืนหนึ่งพลังงานสะอาด

 พลังงานแสงอาทิตย์ ยังคงเป็นแหล่งพลังงานสะอาดอันดับหนึ่งที่เติบโตมากที่สุด เนื่องจากมีการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2040 พลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นพลังงานใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแม้ต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านสภาพอากาศและต้นทุนการติดตั้งที่สูง แต่ประเทศชั้นนำอย่างจีน ยังคงผลักดันนโยบายสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนแบบเต็มกำลัง

.

 เทรนด์ธรรมชาติเป็นศูนย์กลางและเห็นใจโลก

 ผู้บริโภคเริ่มคาดหวังให้ธุรกิจขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางบวกต่อสิ่งแวดล้อม เทรนด์แนวคิดการใช้ธรรมชาติเป็นศูนย์กลาง (Planet-Centric Model) และความเห็นอกเห็นใจต่อโลก (Planetary Empathy) จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจเคารพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนาขีดความสามารถในการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะสร้างผลกำไรได้ในระยะยาว เช่น การนำโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในธุรกิจ อย่างการมุ่งเน้นไปที่การลดปริมาณขยะ หรือยืดอายุการใช้งานของเทคโนโลยีให้นานขึ้น

 .

 เทรนด์แรงงานสายกรีนและทักษะสีเขียว

 แรงงานสายกรีนและทักษะสีเขียวกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยภายในปี 2021-2024 ที่ผ่านมา ภาคแรงงานในยุโรปต้องการคนที่มีทักษะเหล่านี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% ต่อปี โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการป้องกันมลพิษ การจัดการพลังงานหมุนเวียน และการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคและอุตสาหกรรมก่อให้เกิดมลพิษ ที่ต้องการแรงงานดังกล่าว มาช่วยเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้มุ่งสู่ความยั่งยืนในอนาคต

.

 เทรนด์ความร่วมมือกับชุมชนอย่างยั่งยืน

 ความท้าทายที่ซับซ้อน อาจต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ใช่แค่องค์กรธุรกิจหรือภาครัฐ แต่หน่วยเล็กๆ อย่าง “ชุมชน” ก็เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนร่วมกัน เช่น การผสานทรัพยากรองค์กรกับความรู้ท้องถิ่น แปลงเป็นองค์ความรู้ใหม่ หรือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนขึ้นมา นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และพัฒนาความยั่งยืนให้กับชุมชนได้ในอีกทางหนึ่ง

.

 เทรนด์การใช้ AI มาช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม

 แนวโน้มอย่าง AI เข้ามามีส่วนในการสร้างความยั่งยืน จะเห็นชัดขึ้นในปีหน้า หลายธุรกิจเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงและจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การกำจัดขยะและรีไซเคิล การผลิตพลังงานสะอาด การเกษตรอัจฉริยะ หรือการพยากรณ์สภาพอากาศและภัยธรรมชาติที่แม่นยำ แต่อย่างไรก็ตาม AI ก็มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการจ้างงานอยู่ไม่น้อย ธุรกิจจึงต้องใช้ AI สร้างประโยชน์สูงสุด โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบดังกล่าว เช่น พัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ใช้พลังงานน้อยลง อบรมพนักงานในการใช้ AI เพื่อรองรับความต่อความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

.

 "EGCO Group ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้ามุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน โดยมีการวางเป้าหมาย 3 ระยะ ได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น ลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Carbon Emission Intensity) ลง 10% ภายในปี 2030 เป้าหมายระยะกลาง บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2040 และเป้าหมายระยะยาว บรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 พร้อมมุ่งมั่นดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน ในทุกพื้นที่ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ รวมถึงดำเนินงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ป่าต้นน้ำที่สำคัญของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป"  

Kommentare


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page