top of page

กระทรวง อว. สกสว. เปิดแผนยุทธศาสตร์รับมือแผ่นดินไหวเจาะลึกเทคโนโลยีและนวัตกรรม ววน. พร้อมรับมือภัยพิบัติในอนาคตด้วยตัวเอง

  • รูปภาพนักเขียน: Close Up Thailand
    Close Up Thailand
  • 1 เม.ย.
  • ยาว 2 นาที


กระทรวง อว. ระดมสรรพกำลังผนึกทุกภาคส่วน นำวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมาเป็นกลไกหลัก ในการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติทุกรูปแบบ โดยบูรณาการเครื่องมือ ววน. ทุกแขนงเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที พร้อมสนับสนุนงบประมาณการวิจัยกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)จะจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี


โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับมือกับภัยพิบัติแผ่นดินไหว ผ่านสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

ภายใต้แผนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติ ภัยพิบัติ และการบริหารจัดการภัยธรรมชาติแบบบูรณาการ

เพื่อเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันเป็นการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านสำหรับเหตุภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต31 มีนาคม 2568 - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ผนึกกำลังภาครัฐ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญจัดเวทีเสวนา “ก้าวข้ามธรณีพิโรธ : นวัตกรรม ววน. พลิกเกมภัยแผ่นดินไหว เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของไทย”ถอดบทเรียนกรณีแผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานคร เปิดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ววน.

พร้อมใช้รับมือภัยพิบัติในทุกมิติ โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวศุภมาส อิศรภักดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ศ.

ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. คณะผู้บริหาร เข้าร่วมเสวนาพร้อมตอบข้อซักถามสื่อมวลชนเพื่อมุ่งสร้างความเข้มแข็งในการรับมือต่อภัยพิบัติในอนาคต


นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2

ในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กระทรวง อว. ได้เร่งระดมสรรพกำลัง ทั้งนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานในสังกัด เพื่อนำผลงานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมถึงนำองค์ความรู้ทางวิชาการไปสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชน


พร้อมเน้นย้ำว่ากองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) โดย สกสว.

ได้รับผิดชอบการจัดทำแผนด้าน ววน.ซึ่งเป็นแผนวิจัยที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาที่ท้าทายของไทยและได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ในระบบ ววน.

เพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้เพื่อรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวโดยทาง กระทรวง อว. ได้มีการส่งทีมหุ่นยนต์ iRAP Robot (ไอ-แล็ปโรบอท)ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)และหุ่นยนต์ตรวจการณ์เก็บกู้วัตถุระเบิดขนาดเล็ก D-EMPIR V.4 (ดี-เอ็มไพร์ เวอร์ชันโฟร์)ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยบริเวณอาคารที่ทำงานสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่ถล่มพร้อมจัดตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือด้านการตรวจสอบอาคารและการแพทย์ (ศปก.อว.) มีการใช้ TraffyFondue ให้ประชาชนแจ้งเหตุ เพื่อส่งทีมเข้าประเมินความเสี่ยงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว


ขณะที่ GISTDAได้ใช้ภาพถ่ายดาวเทียม THEOS-2 ประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ที่ผ่านมา กองทุน ววน. ได้มีการจัดสรรงบประมาณวิจัยและนวัตกรรมเพื่อดำเนินการในแผนงานสำคัญด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

รวมถึงการบริหารจัดการภัยทางธรรมชาติแบบบูรณาการ อาทิ


1) “InSpectra-01” เทคโนโลยีที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI)

มาใช้ในการตรวจจับและวัดขนาดรอยร้าวในโครงสร้างอย่างแม่นยำและรวดเร็ว

ช่วยลดต้นทุนในการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินความเสียหายของโครงสร้าง

ด้วยระบบ Agentic.AI โดย รศ.ดร.พรหมพัฒนธัญสิริชัยศรีศูนย์วิจัยตรวจสอบโครงสร้างและเฝ้าระวัง ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


2) “เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด”เซนเซอร์ตรวจวัดอาคารเป็นอุปกรณ์ที่วัดค่าความเร่งสามารถวัดค่าความสั่นสะเทือนและแจ้งเตือนผ่านเซนเซอร์นี้ โดยลดต้นทุนการนำเข้าจากหลักแสนเหลือเพียงหลักหมื่นบาท ทำให้ “ผู้ใช้” ซึ่งเป็นวิศวกรดูแลอาคารและผู้บริหารโรงพยาบาลตัดสินใจความปลอดภัยของอาคารได้หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดย รศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กรมอุตุนิยมวิทยา



3) “หุ่นตรวจการและเก็บกู้วัตถุระเบิด รุ่น D-EMPIR V.4”ถูกออกแบบสำหรับการปฏิบัติงานเก็บกู้วัตถุระเบิด

และสามารถซ่อมบำรุงได้ง่ายเมื่อเกิดความเสียหาย โดยในช่วงสถานการณ์วิกฤตหุ่นยนต์ D-EMPIR

V.4 ได้ถูกนำมาลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ณ ถ.กำแพงเพชร เขตจตุจักร กทม.

ที่มีผู้บาดเจ็บและสูญหายเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยหุ่นยนต์มีขนาดเล็ก มีความคล่องตัวสูง

มีการติดตั้งแขนกลพิเศษสามารถเข้าพื้นที่แคบได้โดยใช้แขนกลหยิบจับสิ่งของและปีนป่ายทางต่างระดับได้อย่างคล่องตัว โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI)


4) “แพลตฟอร์ม Traffy Fondue”เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ถูกพัฒนาเพื่อรองรับการแจ้งเหตุและบริหารจัดการปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งปัญหาและร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์ช่วยให้ข้อมูลถูกส่งตรงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ลดระยะเวลาในการประสานงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำแพลตฟอร์มTraffy Fondue เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการภัยพิบัติแผ่นดินไหวให้กับประชาชน

โดยปัจจุบันมีการแจ้งข้อมูลกว่า 5,000 กรณี โดย ห้องปฏิบัติการระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ

(ITS) กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG)สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)“ กระทรวง อว. มีบทบาทหลักในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้รับมือภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพโดยได้สั่งการหน่วยงานในสังกัดเร่งพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ครอบคลุม 3 ด้านหลัก 1) “พัฒนาระบบเตือนภัยในทุกมิติ” แผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วม ภัยแล้งพร้อมระบบข้อมูลและการสื่อสารที่รวดเร็วและทั่วถึง 2) “เสริมการจัดการภัยพิบัติ”สนับสนุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการจัดการภัยพิบัติและส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการวางแผนในพื้นที่ 3) “สร้างความเข้มแข็งชุมชน” ส่งเสริมการเรียนรู้และฝึกอบรมให้ประชาชนมีความรู้และทักษะในการรับมือและสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับชุมชน ” รมว.อว. กล่าวทิ้งท้าย


ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว.กล่าวถึงนโยบายการจัดสรรงบประมาณวิจัยเพื่อรองรับภัยพิบัติ โดยมีแผนงาน (P16) ที่มุ่งเน้นการพัฒนานโยบายและต้นแบบเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม (ววน.)โดยแบ่งเป็นสองภาคส่วนหลัก คือ “ภาคการเกษตร” มุ่งเน้นการรับมือกับผลกระทบจาก Climate Changeโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยระบบเตือนภัย การปรับปรุงพันธุ์และการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงภัยแล้งการระบาดของแมลงและการกัดเซาะชายฝั่ง “ภาคเมืองและอุตสาหกรรม” มุ่งเน้นการรับมือแผ่นดินไหว สึนามิ วาตภัย น้ำท่วม/น้ำแล้ง ภัยจากความร้อน ดินโคลนถล่ม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อ Biodiversityความมั่นคงทางน้ำและสุขภาพและสัตว์เศรษฐกิจ รวมถึงมีแผนงาน (P24)

แก้ไขปัญหาและตอบสนองภาวะวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการจัดการและฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพ (Resilience)มีศักยภาพในการพึ่งตนเองด้านความรู้ กำลังคนและโครงสร้างพื้นฐานด้าน ววน.


ทั้งนี้ สกสว. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศโดยเน้นการนำ ววน. มาใช้ในการรับมือภัยพิบัติ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้


1. จัดสรรงบประมาณวิจัย: ภายใต้แผนงานเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตระดับประเทศ เช่น

แผ่นดินไหวและภัยพิบัติทางธรรมชาติ

2. ร่วมกับ สอวช. ทบทวนและยกระดับแผนด้าน ววน.

ของประเทศ: เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาท้าทายทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

3. นำองค์ความรู้ เทคโนโลยี

และนวัตกรรมไปสนับสนุนหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสาธารณภัย: เพื่อให้การบริหารจั

ดการมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์

4. สนับสนุนภารกิจด้านการสร้างความตระหนักรู้ การป้องกัน

และการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในทุกระดับ: ทำให้ประชาชนมีความรู้และทักษะในการรับมือภัยพิบัติ

5. ขับเคลื่อนบทบาทของ อว. และ สกสว.

ให้เป็นกลไกลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน: เน้นย้ำเป้าหมายหลักคือการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน


“ สกสว.พร้อมรับนโยบาย กระทรวง อว. ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่

การรวมกลุ่มของวิศวกรรมร่วมใจ อววน. ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญและศูนย์กลางด้านความรู้ (Hub of

Talents & Knowledge)ระบบที่เชื่อมต่อประชาชนกับภาครัฐเพื่อประเมินความเสี่ยงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว (Al-Enable Traffy Fondue โดยกองทุน ววน.)และที่สำคัญคือการร่วมงานเครือข่ายกับต่างประเทศสร้างความรู้เชิงระบบเตือนภัยกับประเทศญี่ปุ่นเป็นต้น โดยความร่วมมือนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าขาดการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยรับประมาณ ”ผอ.สกสว.กล่าวทิ้งท้าย


นอกจากนี้ ภายในงานมีการเสวนาเกร็ดความรู้ “รับมือธรณีพิโรธ” ในประเด็น“ธรณีวิทยาและความเสี่ยงของแผ่นดินไหวในประเทศไทย” โดย ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัยผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)


“การออกแบบอาคารและโครงสร้างเพื่อรับมือแผ่นดินไหว” โดย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ

นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และ“เทคโนโลยีเตือนภัยแผ่นดินไหวและการพัฒนาโดยนักวิจัยไทย” โดย รศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ มหาวิทยาลัยมหิดล


# # # #

Comments


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page