top of page

“ดร.เอ้” สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AIพร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่ เพื่อดูแลสุขภาพคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง



 

             ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์  ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เปิดความคืบหน้าโรงพยาบาลฯ แล้วเสร็จ 90% เข้าใกล้เป้าหมาย “โรงพยาบาลรัฐ ผู้นำในการรักษาและเข้าถึงคนไทยอย่างเท่าเทียม” ด้วยการยกระดับสู่โรงพยาบาล AI แห่งแรกของไทยที่นำซูเปอร์คอมพิวเตอร์และนวัตกรรมเฉพาะทางมาใช้ และมุ่งเป็นศูนย์กลางศึกษาวิจัยของบุคลากร พร้อมพัฒนาเครื่องมือแพทย์ครบวงจร สร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขอย่างยั่งยืน เชิญชวนผู้ที่มีจิตศรัทธาสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้ ไทยทำ-ไทยใช้-ไทยรอด สร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ให้ดูแลคนไทยได้อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการบริจาคผ่านธนาคารกรุงไทย บัญชี “มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์” เลขที่ 693-0-32393-4


“โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร” ใช้เวลา 4 ปี ในการเริ่มจากศูนย์ เสริมด้วยแรงสนับสนุนด้านเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาโดยไม่ใช้เงินภาษีของประชาชนคนไทย จนมาถึงปีนี้ อาคารของโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ได้มีความคืบหน้าไปมากกว่า 90% ในทุกตารางนิ้ว ทุกรายละเอียด ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่โดยบุคลากรที่ดีที่สุดในแต่ละด้าน เพราะความปรารถนาของมูลนิธิฯ คือการสร้าง โรงพยาบาลรัฐที่สวยและดีที่สุด ที่เข้าถึงคนจนและเปลี่ยนชีวิตคนไทยให้ดีกว่าเดิม

             ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร เปิดเผยว่า โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร มีจุดเริ่มต้นเดียวกับช่วงที่โควิด-19 มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ช่วงนั้นประเทศไทยมีความกังวลมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เราไม่มีอุปกรณ์รักษาที่เพียงพอและต้องนำเข้าเครื่องมือแพทย์เกือบ 100% ประกอบกับต่างประเทศเองก็เกิดการสูญเสียเป็นจำนวนมาก จนต้องเก็บเครื่องมือของตัวเองไว้ในช่วงวิกฤต ช่วงนั้น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ต้องรวมทีมคณาจารย์ และบุคลากรจากคณะต่าง ๆ เพื่อสร้างเครื่องช่วยหายใจขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพช่วยพยุงการหายใจในเวลาฉุกเฉินได้ดี และแจกจ่ายไป 5,000 ชิ้น ใน 500 โรงพยาบาลทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย

             “ความสำเร็จครั้งนั้น ทำให้เราเกิดความคิด 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ ความมั่นคงทางสุขภาพของคนไทยมีความเปราะบางอย่างมาก เราไม่สามารถพึ่งพาตัวเองในภาวะวิกฤตได้เลย กับเรื่องที่สอง คือความฝันที่ทำให้เราอยากสร้าง ‘โรงพยาบาลขนาดย่อม’ ที่ทันสมัยและเป็นผู้นำในการดูแลรักษาคนไทย รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการสร้างงานวิจัยทางการแพทย์ และสามารถสร้างเครื่องมือแพทย์ที่ครบวงจรได้ในแผ่นดินไทย เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลที่ปฏิวัติการแพทย์สาธารณสุข สำหรับให้คนไทยได้ทำ คนไทยได้ใช้ และคนไทยได้รอด”

             ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวต่ออีกว่า โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร คือโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์ที่แตกต่าง จากการที่เราได้ลงนาม MOU ร่วมกับ CMKL University สถาบันผู้นำด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และ AI (ก่อตั้งโดย Carnegie Mellon University (CMU) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง)

“ทำให้โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร เป็นโรงพยาบาล AI แห่งแรกของประเทศไทย ที่จะมีการนำซูเปอร์คอมพิวเตอร์ มาใช้ในการรักษาพยาบาลไม่ว่าจะเป็น การนำระบบ AI มาบริหารจัดการฐานข้อมูลดูแลสุขภาพ, บริหารจัดการเวชภัณฑ์, ติดตามผลการรักษา ไปจนถึงการใช้ AI สแกนภาพ เพื่อให้ได้ผลวิเคราะห์ที่แม่นยำและรวดเร็ว ตลอดจนมีการพัฒนาเทคโนโลยีแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่ช่วยให้บริการสอบถามเรื่องสุขภาพในเบื้องต้น และช่วยลดเวลาการเดินทางมาพบแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านการแพทย์และสาธารณสุขไทย โดยตั้งเป้าให้โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมเป็นแหล่งรวมการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ที่ใช้งานได้จริง เพื่อทดแทนการนำเข้าและต่อยอดสร้างประโยชน์ให้กับโรงพยาบาลอื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไป

ด้าน ศ.นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ประธานบริหารโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร เปิดเผยว่า “โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 60 เตียง และมีการนำนวัตกรรมเฉพาะทางมาใช้ เช่น อุปกรณ์ช่วยเดิน, อุปกรณ์บำบัดฟื้นฟูที่ทันสมัย รวมถึงการขยายขอบเขตการรักษาโรคทางสมองซึ่งเป็นกลุ่มโรคความเสี่ยงสูงในอนาคต ซึ่งจะช่วยยกระดับระบบสุขภาพสำหรับคนไทยทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ให้สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม”

             ด้าน รศ.นพ.ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร เสริมว่า “วันนี้ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 1,000 ล้านบาท โดยไม่มีภาษีจากประชาชนเลยแม้แต่บาทเดียว แต่เรายังไม่สามารถให้บริการรักษาได้อย่างเต็มที่ โรงพยาบาลฯ ยังต้องการแรงสนับสนุนจากทุกคน สำหรับค่าใช้จ่ายของแพทย์ พยาบาล รวมถึงการจัดหาเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้บรรลุความตั้งใจในการบริการทางแพทย์ที่ดีที่สุด และเข้าถึงคนทุกคนอย่างแท้จริง”

Comments


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page