top of page

ทนาย กับ ช่างทาสี.อาชีพที่เปลี่ยนขาวเป็นดำได้ .


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟสบุกส์ส่วนตัววันนี้ ในเรื่อง "ทนาย กับ ช่างทาสี. อาชีพที่เปลี่ยนขาวเป็นดำได้ ." ภายหลังไปยื่นตรวจสอบมารยาททนายความที่ออกมากล่าวหาเขาในข้อมูลไม่จริง...ลองติดตาม

วันนี้ ไปสภาทนายความร้องเรียน “มรรยาททนายความ” . การมีวิชาชีพทนายต้องมีคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม เพราะเป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนต้องพึ่งพาเมื่อมีคดีความ

. ผมไม่เคยมีเรื่องบาดหมางโกธรเคืองกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มาก่อน

. อีกทั้ง ทนายตั้มก็ไม่เคยเป็นทนายฝั่งตรงข้าม หรือแม้กระทั่งขัดใจกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

. แต่จู่ๆ ทนายตั้มก็ออกมาโจมตีผมโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย จัดแถลงข่าวกล่าวหาผมสารพัด

. ลามไปถึงลูกชายผมว่าได้รับเงิน 50 ล้าน เป็นเงินดิจิตอล รวมทั้งพฤติกรรมหลายอย่างที่ทนายตั้มได้รับฟังเพียงการบอกเล่ามา ไม่มีหลักฐานใดๆ

. และตัวทนายตั้มเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ

. การเป็นทนายแล้วกระทำการแบบนี้ จึงเสมือนหาเรื่องให้มีคดีความเกิดขึ้น

. ผมรู้จักทนายมามาก และรู้ว่าคุณค่าของทนายสำคัญแค่ไหน หากเลือกทนายผิด ผลจะเป็นอย่างไร

. การที่ทนายมานั่งแถลงข่าวซัดใครที่ไม่ได้รู้จัก ไม่ได้มีเรื่องโกธรเคืองกันมาก่อน ย่อมมีเจตนาอะไรอยู่เบื้องหลังแน่นอน

. ไม่มีทางที่อยู่ดีๆ ทนายจะมากล่าวหาผู้อื่น แล้วอ้างทำเพื่อสังคม โดยไม่หวังผล หรือนัยยะใดแอบแฝง

. มีเพียงทนายตั้มเท่านั้นที่จะทราบได้ ว่ามีใครสั่งการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งผมเชื่อว่ามีแน่

. หากทนายตั้มมีคุณธรรม ควรจะสอบถามผมก่อน ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แทนที่จะจัดแถลงข่าวโจมตี

. เป็นผู้รู้กฎหมาย ใช้เป็นวิชาชีพหาเลี้ยงตน และครอบครัว ย่อมทราบดีว่าการฟังความข้างเดียว ทั้งที่มีข้อสงสัยคลุมเครือ สมควรอย่างยิ่งที่จะให้ความเป็นธรรม และมีความสุจริตเป็นที่ตั้ง

. ไม่ใช่นึกถึงแต่ความดังจากการโจมตี เพื่อประโยชน์ในการหาทางได้ของตนเอง

. ทนายตั้มยังอายุไม่มาก การถูกหลอกใช้ หรือเต็มใจให้ใช้จึงเกิดขึ้นได้ เพราะความต้องการให้คนยอมรับนับถือ มีเรื่องโด่งดังฮือฮา ย่อมเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

. ผมเป็นคนที่ขึ้นมาแทบทุกศาล จะมากสุดก็ว่าได้ ตั้งแต่ศาลแพ่ง ศาลอาญาทุกศาล (อาญารัชดา อาญาใต้ อาญาสนามหลวงปัจจุบันรื้อไปแล้ว)

. อีกทั้งศาลแขวง ศาลปกครอง ศาลแรงงาน ศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปจนถึงศาลรัฐธรรมนูญ (คดีถูกปลดจาก ส.ส. ขณะสังกัดพรรคชาติไทยปี 2548)

. จึงรู้ซึ้งเข้าใจคนเป็นทนายดี

. ทนายต้องมีคุณธรรม หากแพ้แน่ๆ แต่ยุยงว่าชนะ หรือหากชนะ แต่ไปแกล้งสู้ให้แพ้ ก็ทำได้

. บางคดีผมเลือกไม่ใช้ทนาย สารภาพกับศาลตรงๆ ดีกว่า เพราะ

. “สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ”

. คร้้งสุดท้ายที่ผมติดคุก 1 เดือน เพราะผมเลือกสารภาพในคดีรายงานทรัพย์สินไม่ครบถ้วนตอนเป็น ส.ส. โดยรายงานขาดไป 150,000 บาท

. ใช่ครับ ฟังไม่ผิด 150,000 บาท

. แต่เป็น “กฎหมายปิดปาก” จะน้อยจะมาก ผิดคือผิด และผมทราบดีว่าออกจากคุกไม่เกิน 5 ปี ไม่สามารถรอลงอาญาได้

. แต่ผมก็เลือกสารภาพเดินเข้าคุก 1 เดือน ให้มันจบๆ ไป

. แก๊งทนายวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อ โดยหยิบยกเอาคดีที่ไม่ได้รู้พยานหลักฐานครบถ้วนมาวิเคราะห์ชี้นำสังคม ให้ความรู้ทางกฎหมายที่ผิดๆ

. พูดหน้าสื่อ หน้าไมค์ ออกกล้องเก่ง แต่ไม่ได้มีความสามารถในทางกฎหมายจริงๆ

. เมื่อไปอยู่ต่อหน้าบัลลังค์ กลับถูกทนายฝั่งตรงข้าม หรืออัยการสอนมวยเสียคน เพียงแต่ไม่มีใครได้เห็นเป็นข่าว

. ทนายที่งานมากไม่ได้หมายความว่าเก่ง ควรเอาทนายที่มีเวลาในการทำคดีให้เรา ศึกษาข้อกฎหมายอย่างถี่ถ้วน

. หากไปเลือกทนายที่งานมาก แน่นอนว่าค่าว่าความความก็สูงตาม แต่ไม่มีเวลาให้ลูกความ

. ความยุติธรรมไม่ได้มาจากราคา แต่มาจากคุณธรรม

. ผมจำต้องร้องเรียนทนายตั้มต่อสภาทนายความ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ทนายคนอื่นๆ และไม่ให้กลับมากระทำการในทำนองนี้อีก

. ทนายเปรียบเสมือนช่างทาสี ที่สามารถเปลี่ยนสีขาวเป็นดำ หรือดำเป็นขาวได้

. พลิกแพลงเรื่องได้ตามที่ต้องการ หากเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรม ไว้ใจไม่ได้ จะเป็นอันตรายต่อสังคม

. หากคนไหนพบทนายที่ปฏิบัติตัวผิด เช่น หาเรื่องให้เกิดคดี จัดแถลงข่าวหาแสง ก็สามารถร้องสภาทนายความได้

. อย่าให้ทนายกลายเป็นช่างทาสีเลยครับ มันเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง

. จะเข้าคุก หรือจะกลับบ้าน ก็เพราะทนายนี่ล่ะครับ

Comments


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page