top of page

"ผู้ว่าชัชชาติ"กับฝันสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนและยืดหยุ่น



วันที่ 18 มิ.ย. 67 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต้อนรับและบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Bangkok Vision for 2050: Challenges, Initiatives and Perspectives” ในกระบวนการหารือเชิงนโยบาย Toward 2050: Future Bangkok for a Resilient and a Livable City ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (AFD) และศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UDDC-CEUS) จัดขึ้น ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยมี Jean-Claude POIMBOEUF เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงาน กรุงเทพฯ – ปารีส การหารือเชิงนโยบายและมุมมอง ขณะที่ Jean-Pierre Marcelli Southeast Asia Regional Director สำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (AFD) กล่าวถึงอนาคตที่ยั่งยืนของเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ รศ.ดร.นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UDDC-CEUS) นำเสนอที่มาของกระบวนการหารือเชิงนโยบาย ความท้าทาย และโอกาสของกรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า การหารือเชิงนโยบายในวันนี้เป็นโอกาสที่ดีในการร่วมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการวางผังเมือง และการวางแผนในการพัฒนาเมือง ในระยะยาวถึงปี 2050 ร่วมกันเพื่อเป็นการกำหนดแนวทางรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ของเมือง อีกทั้งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้พวกเราประสบความสำเร็จในการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองที่ยั่งยืน สิ่งสำคัญ คือ การมีทิศทางที่ดี (Good Direction) และ การร่วมมือของทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน

ช่วงหนึ่งผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้ยกคำพูดของ เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) ว่า “If I have seen further than others, it is by standing upon the shoulders of giants” ที่ว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็น ยักษ์ หรือคนที่เก่งที่สุด แต่เราสามารถดึงความร่วมมือจากคนที่เก่งที่สุดมาร่วมมือกันจากหลากหลายด้าน เพื่อพัฒนาเมืองให้มีความยั่งยืนและประสบความสำเร็จในการมุ่งสู่ Resilent City

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า แม้โครงสร้างพื้นฐานจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ผู้คนเป็นส่วนสำคัญมากกว่า ด้วยความท้าทายของเมืองต่าง ๆ เช่น ความไม่เท่าเทียม เราจึงควรร่วมกันวางเป้าหมายเพื่ออนาคตของเมือง พัฒนาให้เมืองเตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงได้ เช่น น้ำท่วม โรคระบาด ภัยธรรมชาติยุทธศาสตร์จะเป็นดั่งเข็มทิศบอกทิศทางในอนาคตไม่ใช่เพียงสโลแกน เมืองเป็นตลาดแรงงานหลัก เพราะผู้คนจะอยู่ในเมืองเพราะมีงานทำ เราจึงมีนโยบายมุ่งเน้นพัฒนาเส้นเลือดฝอย หรือองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเมือง เช่น ทางเท้า การสัญจรในถนนสายรอง ตรอกซอกซอย พัฒนาทักษะของคน รวมทั้งมีการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อสื่อสารกับประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง เช่น การใช้ Traffy Fondue เป็นช่องทางรับเรื่องร้องเรียน

สำหรับกระบวนการหารือเชิงนโยบาย Toward 2050: Future Bangkok for a Resilient and a Livable City จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 20 มิถุนายน 2567 โดยมีเป้าหมายในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการพัฒนาเมืองจากผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทยและสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อหารือในประเด็นความท้าทายในการขับเคลื่อนการพัฒนากรุงเทพมหานคร สู่การเป็นเมืองที่เติบโตน่าอยู่และรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างยืดหยุ่น ตลอดจนหาแนวทางความร่วมมือในการพัฒนานโยบายและนวัตกรรมการพัฒนาเมืองในระยะยาว

สำหรับวันแรกของกระบวนการหารือแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ผู้นำและยุทธศาสตร์สำหรับเมือง ช่วงที่ 2 การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน เรื่องการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจและสังคม ช่วงที่ 3 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศ เรื่องการสร้างความยืดหยุ่นสำหรับเมืองในวันพรุ่งนี้

ในส่วนกระบวนการหารือในวันพุธที่ 19 มิ.ย. 67 แบ่งเป็นช่วง “ความมีชีวิตชีวาของเมือง” โดยการบูรณาการสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในการวางผังเมืองที่ยืดหยุ่น การสนทนากลุ่มและการสรุปผลกระบวนการหารือเชิงนโยบาย และในวันสุดท้ายของกระบวนการหารือ 20 มิ.ย. 67 เป็นการเปิดกระบวนการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อการออกแบบ ทบทวนประเด็นที่ได้จากกระบวนการหารือเชิงนโยบาย ในวันที่ 18 – 19 มิ.ย. 67 และแจ้งรายละเอียดกระบวนการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อการออกแบบ ซึ่งจะดำเนินงานในพื้นที่นำร่องย่านสุขุมวิทใต้: พระโขนง – บางนา ต่อไป—————-

Commentaires


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page