“ภูมิธรรม” ร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 20 (CAEXPO) ชื่นชมเป็นเวทีส่งเสริมการค้าขายจีน-อาเซียน ช่วยหนุนท่องเที่ยว เชื่อมโยงวัฒนธรรม ร่วมมือเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการค้า ลงทุน เผยปีนี้ขนทัพผู้ส่งออกไทยร่วมงาน 76 ราย 4 กลุ่มสินค้า คาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท พร้อมแนะนำจังหวัดจันทบุรี ที่โดดเด่นเรื่องผลไม้ อัญมณี และท่องเที่ยว
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเข้าร่วมกล่าวสุนทรพจน์ ในพิธีเปิดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 20 (The 20th China-ASEAN Expo) และการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนจีน-อาเซียน ครั้งที่ 20 (The 20th China-ASEAN Business and Investment Summit - CABIS) ศูนย์นิทรรศการและการประชุมระหว่างประเทศนครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน(นายหลี่ เฉียง) เป็นประธาน และผู้นำอาเซียนเข้าร่วม เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 ว่า งานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ที่เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี2547ไม่เพียงเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมการนำเข้าและส่งออกระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกอาเซียน แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว การเชื่อมโยงวัฒนธรมและการกระชับ ความสัมพันธ์ของประชาชนของประเทศสมาชิกตลอดจนเป็นเวทีที่ช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สมัยใหม่ อาทิ เทคโนโลยีขั้นสูง ความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานการค้าดิจิทัล การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ข้ามพรมแดน เพื่อเป็นกลไกในการเสริมสร้างการพัฒนาและการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA)
ทั้งนี้ ไทยได้ชื่นชมความพยายามของรัฐบาลจีน ในความมุ่งมั่นพัฒนาภูมิภาคนี้ และระเบียงเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน โดยไทยและจีน ถือเป็นชาติที่มีความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน มีประวัติศาสตร์ และความเป็นมาที่แนบแน่น ทั้งด้านรากฐานทางวัฒนธรรม ความสัมพันธ์ด้านสังคมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความใกล้ชิดระหว่างกันนี้เปรียบได้ดั่งคำกล่าวที่ว่า “ไทย-จีนใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” และความสัมพันธ์ทางการค้า ระหว่างประเทศของไทยกับจีนยังคงแน่นแฟ้น โดยจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันที่สูงที่สุดกับไทย เป็นเวลาติดต่อกันถึง 11 ปี ตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมา การค้ารวมระหว่างสองประเทศมีมูลค่า 105,212 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมุ่งขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาสำคัญที่สอดคล้องกับจีน ทั้งการเปิดกว้าง ทางด้านการค้า การลงทุน การพัฒนาเกษตรกรรมที่ทันสมัย การพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนวัตกรรม ตลอดจนการขยายความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การเติบโตอย่างสมดุลและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเชื่อว่า ด้วยความสอดคล้องของนโยบายของทั้งสองประเทศ ไทยและจีนจึงมีโอกาสหารือและจัดทำความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ มากขึ้น “มั่นใจว่า นครหนานหนิง หรือ Nanning Channel ได้แสดงบทบาทสำคัญในการเป็นประตูการค้า เปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกไทยได้แนะนำสินค้าไทย รวมถึงทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาดจีน โดยในปีนี้ ไทยมีผู้ส่งออกจำนวน 76 รายใน 4 กลุ่มสินค้าเข้าร่วมแสดงสินค้าใน Thailand Pavilion ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มแฟชั่นและเครื่องประดับ กลุ่มสุขภาพและความงาม ตลอดจนกลุ่มของใช้ในครัวเรือนและของตกแต่งบ้าน และคาดหวังว่า จะเปิดตัวให้เป็นที่รู้จักในตลาดจีน และชาติอาเซียนอื่น ๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าจะเกิดมูลค่าการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท”นายภูมิธรรมกล่าว สำหรับในการเข้าร่วมงาน CAEXPO ครั้งนี้ ไทยยังได้จัดแสดงภาพลักษณ์ของประเทศใน Pavilion of City of Charm โดยคัดเลือกจังหวัดจันทบุรีที่มีชื่อเสียงด้านความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทั้งผลไม้ อัญมณี สถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม ตลอดจนความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสำหรับการลงทุนและพัฒนา โดยได้แสดงให้เห็นว่า หากเดินทางไปจังหวัดจันทบุรี นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับจังหวัดจันทบุรี ในฐานะจังหวัดแห่งมนต์เสน่ห์ของไทยอย่างแน่นอน งาน CAEXPO 2023 ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 กันยายน 2566 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ระหว่างประเทศนครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน บนพื้นที่งาน 104,000 ตารางเมตร คาดมีผู้เข้าร่วมชมกว่า 100,000 คน (onsite) และกว่า 20 ล้านคนบนแพลตฟอร์มออนไลน์
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ยังเดินทางเข้าพบปะให้กำลังใจผู้ประกอบการไทย 76 ราย ใน 4 กลุ่มสินค้า ที่เข้าร่วมงาน CAEXPO 2023 ย้ำมีนโยบายสนับสนุน SMEs ในการขยายตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเยี่ยมชมคูหาส่งเสริมข้าวไทย สาธิตการทำเมนูผัดกระเพราหมู มั่นใจข้าวไทยเปิดตลาดได้เพิ่มขึ้น และเข้าเยี่ยมศูนย์แสดงสินค้าดีเด่นจีน-อาเซียน (CAMEX) มุ่งผลักดันให้เป็นประตูเปิดตัวสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนอีกช่องทางหนึ่ง
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสในการนำคณะผู้บริหารระดับสูง เดินทางเยือนเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ระหว่างวันที่ 15-18 ก.ย.2566 เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน หรือ China–ASEAN Expo (CAEXPO 2023) ครั้งที่ 20 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมระหว่างประเทศนครหนานหนิง (Nanning International Convention & Exhibition Center) นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2566 เข้าพบปะหารือกับผู้ประกอบการไทยที่มาออกบูธในงาน CAEXPO จำนวน 76 รายใน 4 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มแฟชั่นและเครื่องประดับ กลุ่มสุขภาพและความงาม และกลุ่มของใช้ในครัวเรือนและของตกแต่งบ้าน โดยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริม SMEs และได้ยืนยันกับผู้ประกอบการว่าจะเพิ่มความเข้มข้นในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้เพิ่มมากขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ ยังได้ใช้โอกาสนี้ เข้าเยี่ยมชมคูหาส่งเสริมข้าวไทย และสาธิตการทำเมนูผัดกระเพราหมู ซึ่งมั่นใจว่าข้าวไทย จะได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อ ผู้นำเข้าชาวจีน และผู้เข้าเยี่ยมชมงานจากประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมศูนย์แสดงสินค้าดีเด่นจีน-อาเซียน หรือ China ASEAN Merchantile Exchange (CAMEX หรือ คาเม็กซ์) เป็นโครงการสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าจีน - อาเซียนภายใต้กรอบความร่วมมือ “One Belt One Road” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐทางเขตกว่างซี ลงทุนก่อตั้งและบริหารจัดการโดยบริษัทสิงคโปร์ CSILP (China-Singapore Nanning International Logistic Park) เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 โดยมั่นใจว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระจายสินค้าจากไทยและอาเชียนเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น โดยจะมีการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างทูตพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด กับผู้ประกอบการในการนำสินค้ามาจำหน่ายต่อไป ปัจจุบันมีสินค้าจากประเทศไทยจัดแสดงอยู่ในศูนย์ CAMEX จำนวน 18 บริษัท โดยเป็นสินค้าประเภทอาหาร เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ยางพารา อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง จาก จ.ตาก หมอนยางพารา จาก จ.อุตรดิตถ์ เป็นต้น ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ เมืองหนานหนิง ได้บูรณาการร่วมกันกับพาณิชย์จังหวัดต่างๆ ในการส่งเสริมและผลักดันสินค้าโดดเด่นจากท้องถิ่นเข้าร่วมจัดแสดงในศูนย์ฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญของ SMEs ไทยในการบุกตลาดจีนต่อไป
Yorumlar