top of page

ยึดทรัพย์ “ตู้ห่าว” หมื่นล้าน ชูวิทย์ยืนยัน"ส่วนแบ่งนำจับ..“จะขอนำเงินทั้งหมดบริจาคเป็นกุศลแก่รพ."

อัปเดตเมื่อ 15 ม.ค. 2566

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ พลเมืองดีที่ออกมาเปิดโปงขขบวนการจีนเทาในประเทศไทย จนนำไปสู่การจับกุมนายตู้ห่าวและพวก และเชื่อว่าจะมีการยึดทรัพย์มากกว่า 8,345 ล้าน ซึ่งส่วนแบ่ง5% หรือราว417 ล้านบาท เป็นสิ่งที่ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับซึ่งนายชูวิทย์ ที่ประกาศมาตลอดว่า "ขอเป็นองคุลีมาล กลับใจ" จากที่เคยทำธุรกิจซึ่งเป็นสีเทาในอดีต โดย ขอยืนยันไว้เป็น “สัญญาประชาคม” ตรงนี้ว่า


.“จะขอนำเงินจำนวนนี้ทั้งหมด บริจาคเป็นกุศลผลบุญให้แก่คนไทยทั่วไป ตามโรงพยาบาลทั่วประเทศไทย โดยไม่ขอนำเงินใส่กระเป๋าใช้ส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว”

ผมมีมากพอแล้ว ลูกหลานก็มีให้หมดแล้ว ผมเคยทำอะไรไว้ ตอนนี้เป็น “องคุลีมาล” กลับใจ


ลองติดตามรายละเอียดจากโพสต์ของเขาผ่านเฟสบุกส์ส่วนตัว วันที่ 14 มกราคม2566



"ยึดทรัพย์ “ตู้ห่าว” หมื่นล้าน

.

การทลาย “จินหลิง” ที่มีนายตู้ห่าวเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ยึดอายัดทรัพย์สินไปแล้วประมาณ 5,345 ล้านบาท

.

และยังมีทรัพย์สินให้ยึดต่ออีก 3,000 ล้านบาท

.

รวมประมาณ 8,345 ล้านบาท

.

หากเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงไว้ว่า

.

“ผู้ชี้เบาะแสอย่างนายชูวิทย์ จะได้เงินรางวัลนำจับ 5 เปอร์เซ็นต์ จากยอดทั้งหมด”

.

ผมจึงขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงแถลงไขให้ประชาชนทราบว่า

.

หากผมได้รับรางวัล 5 เปอร์เซ็นต์จริง จากยอด 8,345 ล้านบาท จะตกอยู่ประมาณ 417 ล้านบาท

.

ขอยืนยันไว้เป็น “สัญญาประชาคม” ตรงนี้ว่า

.

“จะขอนำเงินจำนวนนี้ทั้งหมด บริจาคเป็นกุศลผลบุญให้แก่คนไทยทั่วไป ตามโรงพยาบาลทั่วระเทศไทย โดยไม่ขอนำเงินใส่กระเป๋าใช้ส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว”

.

ผมมีมากพอแล้ว ลูกหลานก็มีให้หมดแล้ว ผมเคยทำอะไรไว้ ตอนนี้เป็น “องคุลีมาล” กลับใจ


.ขอทำงานคืนให้สังคม ตอบแทนโดยไม่หวังผลใดๆ ตามที่เคยบอกไว้กับสังคมสาธารณชน


.สิ่งที่ทำไป ต้องการให้ประชาชนได้เรียนรู้ เข้าใจถึงการต่อสู้ครั้งนี้ เป็นตัวอย่างให้ได้จดจำว่า


.ไม่ใช่แค่แฉเปิดโปงเท่านั้น แต่การจะทำให้ภาครัฐหันมาเอาใจใส่แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ต้องใช้แรงกดดันของสังคม


.ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ แต่ผมถือว่าหน้าที่นี้เป็นของพลเมืองทุกคนที่ต้องช่วยกัน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง


.เพราะยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ และกระบวนการเกี่ยวพันไปถึงแหล่งผลิตที่อยู่นอกประเทศไทย


.เราไม่มีทางหยุดได้ ยกเว้นจะจัดการที่ “ต้นตอ”


.นายตู้ห่าว และเครือข่าย เป็นคนต่างชาติที่อาศัยผืนแผ่นดินไทยทำมาหากิน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดการตามกฎหมายไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง


.ขั้นตอนสอบสวนของตำรวจและอัยการจบสิ้นลง จากนี้อัยการสูงสุดจะเป็นผู้ลงนามสั่งฟ้องตามกระบวนการศาลยุติธรรมต่อไป


.หวังว่าประชาชนจะประสบชัยชนะร่วมกัน


.อย่างน้อยมันเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า


.“คนทำผิดร้อยครั้ง แม้หลุดรอดไปได้ทุกครั้ง แต่เมื่อพลาดเพียงครั้งเดียว เราสามารถล้มกระดานได้ทั้งหมด”


อนึ่ง ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน สำนวนคดี นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวกกล่าวว่า


คดีนี้เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้กับตนเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบร่วมกันทำการสอบสวนกับ พงส. ในสังกัด 4 กองบัญชาการประกอบด้วย บช.น. บช.ก. บช.สอท. บช.ปส. และร่วมกับพนักงานอัยการทำการสอบสวนคดีนี้ การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วทางคดีมีการสอบสวนพยานบุคคล 444 ปาก สืบพยานล่วงหน้า 20 ปาก ตรวจยึดทรัพย์สิน 5,345 ล้านบาท มีพยานเอกสาร พยานนิติวิทยาศาสตร์ และอื่นๆ กว่า 67 แฟ้ม จำนวน 26,892 แผ่น สอบสวนผู้ต้องหา ทั้งหมด 43 คน แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 38 คน นิติบุคคล 5 ราย ในส่วนของบุคคลธรรมดา 38 คน จับกุมดำเนินคดีแล้ว 20 คน ยังหลบหนี 18 คน ได้สั่งการให้เร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคลอีกจำนวน 5 บริษัท แจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้วเช่นกัน


"ขอบคุณพี่น้องประชาชน สื่อมวลชนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้คณะทำงาน รวมทั้งคุณชูวิทย์ที่คอยสนับสนุนข้อมูล ทำให้คดีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี."


Comments


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page