สถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KOSEN – KMITL) นำโดย รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. ต้อนรับตัวแทนจากรัฐบาลญี่ปุ่น นายฮากิอูดะ โคอิชิ สมาชิกสภาล่างญี่ปุ่นและประธานกรรมาธิการวิจัยนโยบาย พรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่น พร้อมด้วย เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กระทรวงต่างประเทศ ไจก้าประเทศไทย สถาบันโคเซ็นแห่งญี่ปุ่น (NIT) และคณะทำงาน ในโอกาสที่เดินทางมาประเทศไทยและเยี่ยมชมติดตามความก้าวหน้าของสถาบันโคเซ็นแห่งสจล. (KOSEN – KMITL) ในการผนึกความร่วมมือทางการศึกษาไทย – ญี่ปุ่น มุ่งปั้นนวัตกรตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เผยปี 2567 รุ่นแรกจบและเข้าทำงานในภาคอุตสาหกรรม
รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และประธานกรรมการ สถาบันโคเซ็นแห่งสจล. (KOSEN – KMITL) กล่าวว่า ญี่ปุ่นนับเป็นประเทศผู้นำทางเทคโนโลยีระดับสูงและอุตสาหกรรมชั้นแนวหน้าของโลก ประเทศไทยและญี่ปุ่นมีสัมพันธไมตรีอันดีมาอย่างยาวนาน และมีความร่วมมือทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม และการศึกษา ซึ่ง สจล. มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศญี่ปุ่นมานับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งศูนย์ฝึกโทรคมนาคม และพัฒนาความก้าวหน้ามาเป็น สจล. จวบจนปัจจุบัน ในโอกาสนี้ สจล. มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับการมาเยือนของคณะตัวแทนรัฐบาล และ 6 องค์กรชั้นนำ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้เดินทางมาประเทศไทย ประกอบด้วย มร. ฮากิอูดะ โคอิชิ สมาชิกสภาล่างญี่ปุ่นและประธานกรรมาธิการวิจัยนโยบาย พรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่น นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายซูซูกิ คะสุยะ ไจก้าประเทศไทย นายมิยาเกะ ฟูมิโตะ จากกระทรวงต่างประเทศ และศาสตราจารย์ อิโนอุเอะ มิสึเตรุ ผู้อำนวยการอาวุโส สถาบันโคเซ็นแห่งญี่ปุ่น (NIT) และคณะทำงาน โดยได้เยี่ยมชมติดตามความก้าวหน้าและความสำเร็จของ สถาบันโคเซ็นแห่งสจล. (KOSEN – KMITL) ชมห้องปฏิบัติการ การสาธิตผลงานนวัตกรรมของนักศึกษา และพบปะพูดคุยกับนักศึกษาอย่างอบอุ่น นับเป็นการสานพลังไทย - ญี่ปุ่น ในการร่วมพัฒนาศักยภาพของเยาวชนคนไทยสู่ระดับโลกเพื่อรองรับการขยายตัวของ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย และแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจ EEC พร้อมไปกับเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในภูมิภาคโลก
สถาบันโคเซ็นแห่งสจล. (KOSEN – KMITL) ก่อตั้งเมื่อปี 2562 จากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและญี่ปุ่น มุ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่พัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีที่มีทักษะความเชี่ยวชาญสูงในการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม มีเป้าหมายในการสร้าง ‘นวัตกร’ และ ‘วิศวกรนักปฏิบัติ’ (Practical Engineers) ตามมาตรฐานโคเซ็นประเทศญี่ปุ่น (NIT) และเป็นหลักสูตรอนุปริญญา 5 ปี ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเศรษฐกิจตะวันออก หรือ EEC ปัจจุบันมีนักศึกษา 348 คน โดยในปี 2566 คาดว่าจะมีเยาวชนสนใจเข้าสมัครเรียนราว 6,000 คน และในเดือนเมษายน 2567 จะมีบัณฑิตจบการศึกษารุ่นแรกที่จะเข้าทำงานเป็นกำลังสำคัญในภาคอุตสาหกรรม
รศ. ดร.สมยศ เกียรติวนิชวิไล รักษาการผู้อำนวยการสถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า สถาบันโคเซ็นแห่งสจล. (KOSEN – KMITL) มุ่งผลิตวิศวกรชั้นแนวหน้าของโลก เพื่อยกระดับการผลิตกำลังคนระดับอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน โดยให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแก้ปัญหาจากโจทย์ ผ่านกระบวนการคิด ทำงานเป็นกลุ่ม และนำไปสู่การหาคำตอบ หรือสร้างองค์ความรู้ใหม่บนฐานความรู้เดิม พร้อมทั้งบูรณาการหลักสูตรกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เข้มข้นทั้งภาควิชาการ และภาคปฏิบัติจากประเทศญี่ปุ่น โดยเนื้อหาของหลักสูตรจะยึดตามแนวทางของสถาบันโคเซ็นแห่งญี่ปุ่น หรือ NIT ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลกของญี่ปุ่นในการสร้างบุคลากรด้านเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรม เพื่อปฏิบัติงานได้จริงควบคู่กับการเรียนรู้ในทักษะด้านสังคม เข้าใจในความเป็นมนุษย์ มีจิตสาธารณะ และความรับผิดชอบต่อสังคม
หลักสูตรของสถาบันโคเซ็นแห่งสจล. (KOSEN – KMITL) เปิดรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นเข้าเรียนหลักสูตรอนุปริญญา 5 ปี ซึ่งมี 3 หลักสูตร ได้แก่ 1.หลักสูตรอนุปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์ (Mechatronics Engineering) 2.หลักสูตรสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Engineering) และ 3.หลักสูตรสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Electrical and Electronic Engineering) และในปี 2567 วางแผนเตรียมเปิดสอนในหลักสูตรปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ (Advanced Innovative Engineering) โดยนักศึกษาจะได้รับทุนการศึกษาจากโครงการฯ และได้ไปทำงานวิจัย 2 ภาคการศึกษาที่สถาบันโคเซ็นแห่งญี่ปุ่น ด้วย
Comments