เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา พิธีเปิดตัวโกลบอล ซาลอน “Nihao, Chengdu” ได้มีขึ้นพร้อมกันในเฉิงตู สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย โดยมีสำนักงานสารสนเทศเทศบาลนครเฉิงตู ศูนย์ความร่วมมือระหว่างประเทศและการเปิดกว้างเฉิงตู และศูนย์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติเฉิงตูเป็นผู้จัดงาน งานนี้จัด ณ ร้านหม้อไฟชื่อดังระดับโลก ถือเป็นการเปิดตัวโกลบอล ซาลอน “Nihao, Chengdu” อย่างเป็นทางการ
โครงการโกลบอล ซาลอน “Nihao, Chengdu” ออกแบบมาเพื่อสร้างเวทีใหม่ในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว รวมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า โดยอาศัยเครือข่ายบริษัทจากเฉิงตูที่มีสาขาในต่างประเทศ ซาลอนเหล่านี้จัดขึ้นทั่วโลกเพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ของเมืองเฉิงตู ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว เศรษฐกิจและการค้า ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพของเมืองเฉิงตูด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
ซาลอนแห่งแรกของโครงการนี้ตั้งอยู่ที่ร้านไหตี่เลา (Hai Di Lao) สาขาหยินซื่อ สแควร์ (Yinshi Square) ในเฉิงตู ส่วนในต่างประเทศจัดที่ร้านไหตี่เลาสาขามารีนา เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) ในสิงคโปร์ ห้างพาวิลเลียน กัวลาลัมเปอร์ (Pavilion Kuala Lumpur) และห้างเซ็นทรัลเวิลด์ในกรุงเทพฯ
ผู้รับผิดชอบโครงการนี้เปิดเผยว่า วัฒนธรรมอาหารถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญของเมืองเฉิงตูในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ” การเลือกร้านไหตี่เลาเป็นสถานที่นำร่องในการจัดซาลอนระดับโลก นอกจากจะตอกย้ำชื่อเสียงและบทบาทของอาหารเฉิงตู โดยเฉพาะหม้อไฟ ในการสื่อสารกับชาวต่างชาติแล้ว ก็ยังเป็นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาของไหตี่เลาทั่วโลก ในการขยายผลกระทบของโครงการโกลบอล ซาลอน “Nihao, Chengdu” อีกด้วย
ลู่ หยาง (Lu Yang) ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของซีทริป (Ctrip) ซึ่งร่วมงานในครั้งนี้ กล่าวว่า “ในปี 2567 เฉิงตูถือเป็นหนึ่งในเมืองของจีนที่ชาวต่างชาติต้องมาเยือน โดยการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหมีแพนด้ายักษ์ วัฒนธรรมประวัติศาสตร์ และทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของเฉิงตูบนเว็บไซต์ท่องเที่ยวซีทริปนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเมื่อมีการเปิดตัวโกลบอล ซาลอน “Nihao, Chengdu” ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ความสนใจในการท่องเที่ยวเฉิงตูก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” ปัจจุบัน แพลตฟอร์มต่างประเทศของซีทริปได้เริ่มพุ่งเป้านักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และประเทศอื่น ๆ โดยนำเสนอบริการต่าง ๆ เช่น ตัวเลือกการจองเส้นทางท่องเที่ยวในเฉิงตู และข้อมูลแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอย่างละเอียด
ข้อมูลสถิติระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2567 พบว่า เมืองเฉิงตูต้อนรับนักท่องเที่ยวขาเข้ารวมทั้งสิ้น 1.472 ล้านคน เพิ่มขึ้น 163.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 5 อันดับประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเฉิงตูมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย ไทย สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และเกาหลีใต้
ที่มา: ศูนย์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติเฉิงตู
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” โชว์ความสำเร็จปี 2567 กวาดยอดขายบ้าน-คอนโดฯกว่า 35,435 ล้านบาท ตามเป้า ทั้งจากโครงการพร้อมอยู่ โครงการเปิดใหม่ และโครงการระหว่าง Ongoing ในทำเลระดับท้อปของประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ออริจิ้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย สร้างความพึงพอใจสูงสุดต่อผู้บริโภค ย้ำ Key Success ผ่าน “3I” กลยุทธ์หลัก “Insight -Initiative-Implementation” เข้าใจลูกค้าแบบเจาะลึก ทั้งด้านการพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่ พร้อมจัดทัพผู้บริหาร ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจคอนโดฯใหม่ ลุยต่อไม่หยุดจ่อเปิดเกมส์บุกปี 2568
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดขาย (Presales) จากโครงการที่อยู่อาศัย35,435 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรหรือที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้ บริษัท บริทาเนีย จํากัด (มหาชน) อยู่ที่ 6,544 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18% ขณะที่ยอดขายที่อยู่อาศัยแนวสูง(คอนโดมิเนียม) อยู่ที่ 28,891 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 82% ภายใต้ บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิลคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL เป็นการตอกย้ำความสำเร็จโครงการเปิดใหม่และโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) ขณะเดียวกันยังสะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการอยู่อ่าศัยที่สร้างความพึงพอใจได้ครอบคลุมตลาด Gen Y – Gen Z
ทั้งนี้ จากยอดขายรวมทั้งหมดในปีที่ผ่านมา แบ่งสัดส่วนตามสถานะโครงการเป็น ที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ (Ready to move) คิดเป็น 55% โดยเป็นโครงการพร้อมอยู่นั้นมีทั้ง คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝดกระจายทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด ส่วนสัดส่วนที่เหลือประมาณ 45% เป็นยอดขายจากโครงการที่เปิดขายใหม่ หรืออยู่ระหว่างดําเนินการก่อสร้าง(Ongoing) ซึ่งโครงการเปิดใหม่ในปี 2567 เน้นพื้นที่ทำเลระดับท้อปของประเทศรวมทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 19,400 ล้านบาท แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท และเป็นคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่า 14,500 ล้านบาท
สำหรับโครงการคอนโดฯพัฒนาภายใต้แนวคิด “Creative Living for All” สู่ผู้บริโภค มูลค่ารวมกว่า 14,500 ล้านบาท อาทิ โครงการโซ ออริจิ้น บางเทา บีช (SO Origin Bangtao Beach) เป็นคอนโดมิเนียมระดับ Luxury สูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 545 ยูนิต และ 1 คลับเฮ้าส์ มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ที่ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 77%, โครงการ ดิ ออริจิ้น ศรีราชา(The Origin Sriracha) คอนโด Low Rise 2 อาคาร ความสูง 8 ชั้น จำนวน 499 ยูนิต ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น บนทำเลศักยภาพติดถนนใหญ่ ศรีราชา-หนองค้อ ใกล้ J-Park เพียง 3 นาที ใกล้โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา เดินทางสะดวก ใกล้ด่านมอเตอร์เวย์ แหลมฉบัง-กรุงเทพ มูลค่ารวม 750 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายแล้วประมาณ 50% และ โครงการ ออริจิ้น เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (Origin Place Taopoon Interchange) คอนโด High Rise สูง 32 ชั้น จำนวน 673 ยูนิต + 2 ร้านค้า เป็นห้องเพดานสูง 4.2 เมตร* เลี้ยงสัตว์ได้ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ขายไปแล้ว 66% เป็นต้น
ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท พัฒนาภายใต้แนวคิด “Crafting for Everlasting Growth” รังสรรค์เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง ภายใต้ 3 Dimensions Strategy ประกอบด้วย โครงการ ดุสิตสวีท เรสซิเดนเซส เขาใหญ่ (Dusit Suites Residences Khaoyai), โครงการ บริทาเนีย เวสต์เกต (Britania Westgate), โครงการบริทาเนีย ราชพฤกษ์ 345 (Britania Ratchaphruek 345) และโครงการ เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ ราชพฤกษ์-พระราม 5 (Belgravia Exclusive Ratchaphruek-Rama 5)
“เราดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่น จาก Insight ของลูกค้า ที่นำมาสู่ข้อมูลด้านการวิจัยและวิเคราะห์เชิงลึกในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ ทำเล การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ การลงทุน อย่างจริงจัง เพื่อออกแบบสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยให้มากที่สุด สู่การต่อยอด Initiative ริเริ่มฟังก์ชันใหม่ โปรดักส์ใหม่ อย่างสร้างสรรค์ ตอบสนองทุกมิติของการใช้ชีวิต ตอกย้ำสถานะผู้นำตลาดคอนโดมิเนียม และ สร้าง Implementation ด้วยการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ มาช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานของโครงการ ตลอดจนบริการต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตของผู้คนยุคใหม่ เพื่อให้ทุกโครงการสร้างความประทับใจและพึงพอใจสูงสุดต่อผู้บริโภค” นายพีระพงศ์กล่าว ถึง Key Success Factor สำคัญที่ทำให้ ออริจิ้น ประสบความสำเร็จในปี 2567 ที่ผ่านมา ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจภายใต้ 3I
นอกจากนี้ ภายใต้กลยุทธ์สร้างประสบการณ์ที่ดีด้านที่อยู่อาศัยให้กลุ่มลูกค้าบ้านและคอนโดฯแล้ว การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสด้านการตลาดและการขายเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ ด้วยการตลาดเชิงรุกเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เปิดตัว Origin Agent Club จับมือเอเจนท์กว่า 300 ราย เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ทำให้ยอดขายต่างชาติทั้งปีทะลุ 5,700 ล้านบาท เติบโต 225% และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา นอกจากนี้ยังเตรียมเดินสายโรดโชว์ในปี 2568 พร้อมกับมีแผนเปิดสำนักงานขายในต่างประเทศ เพื่อนำอสังหาฯไทยเจาะตลาดโลก ไม่เพียงเท่านั้น ปีที่ผ่านมามีการจัดทัพทีมผู้บริหารใหม่ ปรับโครงสร้างใหญ่กลุ่มธุรกิจคอนโดฯ รวมพลังและทีมงานระดับมืออาชีพ วางรากฐาน New S-Curve การกระจายพอร์ตสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อรองรับการเติบโตยั่งยืน
พร้อมกันนี้ นายพีระพงศ์ ยังกล่าวในตอนท้ายด้วยว่า แม้ตลอดปี 2567 ภาพโดยรวมของตลาดที่อยู่อาศัยนั้นเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยเสี่ยงในหลายๆ ด้าน แต่ยังเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการที่อยู่อาศัย เพราะบ้านยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญ ดังนั้นการจะเลือกเปิดตัวโครงการใหม่ต้องมีองค์ประกอบครบถ้วนและโดดเด่น สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจที่เดิมมีแผนจะซื้ออยู่แล้วแต่อาจลังเลให้รู้สึกว่า ออริจิ้น มีของดีมานำเสนอแบบที่พลาดไม่ได้จริงๆ และเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยื่น สิ่งที่ ออริจิ้น ให้ความสำคัญ คือ การปรับตัว ระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจ การพิจารณาการเปิดตัวโครงการใหม่นั้น จึงมีความยืดหยุ่น เพิ่ม หรือ ลด ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ และ ธุรกิจเมกะเทรนด์ รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งรายเก่าและรายใหม่ในหลากหลายอุตสาหกรรมตามแผนสร้างการเติบโตและการดูแลผู้บริโภคแบบไม่สิ้นสุด
ทั้งนี้ บริษัทในเครือที่เป็นบริษัทมหาชน ได้แก่ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) และบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) จะเตรียมทยอยประกาศแผนการดำเนินธุรกิจประจำปี 2568 ในช่วงไตรมาส 1/2568 นี้ โดย บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) น่าจะประกาศแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงเดือน มี.ค.2568 ที่จะเปิดเกมส์บุกตลาดอสังหาฯ อีกครั้ง
สำหรับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ภายใต้ 4 กลุ่มธุรกิจ
1.กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 167 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 4/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) เป็นต้น รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 259,072 ล้านบาท โดยกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร หรือที่อยู่อาศัยแนวราบ ดำเนินการภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เน้นกลุ่มบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ส่วนกลุ่มโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม ดำเนินการภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL
2.กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก
3.กลุ่มธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์
และ 4.กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
Comments