top of page

"เราไม่มีทางเลือก"ประธานเฟดสารภาพ ..สหรัฐฯจีดีพี Q2 ติดลบขึ้นดอกเบี้ยรอบ4 สู้กับเงินเฟ้อ!!!

ต่างประเทศ


ประธานเฟด เจโรม พาวเวลล์ ยอมรับ "เราไม่มีทางเลือก"


สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ (BEA) แห่งกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขจีดีพี "ล่วงหน้า" ประจำไตรมาสที่ 2/2022 ติดลบ 0.9% ขณะจีดีพีในไตรมาสก่อนหน้าติดลบ 1.6% ตามหลักเศรษฐศาสตร์นั้น เมื่อจีดีพีติดลบต่อเนื่องสองไตรมาสจะถือเป็นการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (technical recession)


ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เคยตกอยู่ในสภาวะเดียวกันช่วง ไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2020

ตัวเลขล่าสุดที่ประกาศออกมานั้นเป็นการประเมินจากแหล่งข้อมูลที่ยังต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม และจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีอีกครั้งจากข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้นในวันที่ 25 ส.ค.ที่จะถึงนี้

ปัจจัยสำคัญที่ฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มาจากการลงทุนภาคเอกชน การลงทุนด้านที่อยู่อาศัย และการใช้งบประมาณภาครัฐที่หดตัว อย่างไรก็ดีภาคการส่งออกทั้งสินค้าและบริการปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลที่ปรับตัวดีขึ้น


รายงานระบุว่า รายได้ส่วนบุคคลอ้างอิงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 353,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่สอง เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นในระดับ 247,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสแรก โดยสาเหตุสำคัญมาจากอัตราค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ดี ระดับเงินออมรวมในไตรมาสที่สองนี้ลดลงมาเหลือ 968,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากไตรมาสแรกที่ 1.02 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ


ขึ้นดอกเบี้ย

เมื่อ 27 ก.ค. ธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ หรือเฟด ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ ปรับขึ้นอีก 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระหว่าง 2.25% ถึง 2.5%

เฟดได้ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน มี.ค. เพื่อพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ หลังราคาสินค้าสำคัญ เช่น ราคาเชื้อเพลิงและอาหารที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ

รายงานหลายฉบับในช่วงไม่กี่เดือนมานี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว อัตราว่างงานพุ่งสูง และเศรษฐกิจหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

ผู้สังเกตการณ์หลายคนคาดการณ์ว่า ตัวเลขในสัปดาห์นี้จะแสดงให้เห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวลงอีกต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2


เจโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด แถลงข่าวยอมรับว่า เศรษฐกิจบางส่วนกำลังชะลอตัวลง และส่งสัญญาณว่าเฟดมีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ เพื่อควบคุมอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี


“เศรษฐกิจจะไปต่อไม่ได้ ถ้าราคาสินค้าไม่มีเสถียรภาพ” พาวเวลล์ กล่าว


“เราจำเป็นต้องกดเงินเฟ้อให้ต่ำลง...นี่จึงเป็นมาตรการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”


เงินเฟ้อสหรัฐฯ หนักแค่ไหน

อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งสูงถึง 9.1% เมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาเชื้อเพลิงและอาหารที่สูงขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าเพดาน 2% ที่เฟดกำหนดไว้ และถือเป็นเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเร็วสุดนับแต่ปี 1981


ในช่วงปี 1981 เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่า 15% ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี

สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 4 แล้ว นับแต่เดือน มี.ค. ถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงและถี่ จากที่แทบไม่ค่อยขึ้นมากเกิน 2% นับแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2008


ขึ้นดอกเบี้ย ลดเงินเฟ้อได้อย่างไร


อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้นช่วยควบคุมเงินเฟ้อด้วยการเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมเงิน ผลักดันให้ประชาชนและภาคธุรกิจกู้เงินน้อยลงและใช้จ่ายน้อยลง


ตามทฤษฎีแล้ว นั่นหมายความว่าอุปสงค์ก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นช้าลง กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ลดลง


แต่การควบคุมเงินเฟ้อ “ไม่ได้หมายความว่าสหรัฐฯ จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราไม่ต้องทำถึงขั้นนั้น” พาวเวลล์ เสริม


ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เตือนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย บริษัทด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง ที่เคยได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมที่ต่ำในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ได้ประกาศลดพนักงาน หรือชะลอการจัดซื้อจัดจ้าง


ปิแอร์-โอลิวิเอร์ เการินชาส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของไอเอ็มเอฟ ยอมรับว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ และของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก “ไม่มีทางเลือกอื่น” นอกเสียจากขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางแห่งยุโรป หรืออีซีบี ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 11 ปี ส่วนธนาคารกลางแห่งอังกฤษได้ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว เช่นเดียวกับอีกหลายสิบประเทศทั่วโลก


cr.ขอบคุณข้อมูลจากบีบีซีไทย ติดตามเพิ่มคลิก(ศก. สหรัฐฯ หดตัว 2 ไตรมาส ขึ้นดอกเบี้ยรอบ 4 คุมเงินเฟ้อ - BBC News ไทย)

Comentarios


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page