1 - กรณีการสั่งย้าย ‘ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์’ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จากกรณีที่มีข้อสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์ จนเกิดการปล่อยตัวผู้ต้องหาในคดี “ตู้ห่าว” หรือขบวนการทุนจีนสีเทา ให้หลบหนีออกนอกประเทศได้ . 2 - พลตำรวจตรี Supisarn Bhakdinarinath - สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นว่า เชื่อได้ว่าอธิบดีดีเอสไอน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการออกมาให้ข่าว ว่ากรณีการค้นบ้านพักกงสุลนาอูรูร่วมกันระหว่างตำรวจ 191 ดีเอสไอ และทหารนั้น ตัวเองไม่ได้ประสานเพื่อขอให้ดีเอสไอไปทำภารกิจตรวจค้นร่วมกับตำรวจ ทำนองว่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้ตำรวจ . 3 - แต่จากข้อเท็จจริงที่ได้มา เชื่อได้ว่ากรณีการตรวจค้นดังกล่าว ดีเอสไอได้เข้าประสานงานกับสถานกงสุลนาอูรูแล้วอย่างไม่เป็นทางการ แต่ด้วยความที่ขั้นตอนตามกฎหมายยังไม่ได้ให้อำนาจดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีตู้ห่าว ดีเอสไอจึงได้อาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับตำรวจ 191 ขอให้ตำรวจ 191 เป็นเจ้าภาพในการขอหมายและปฏิบัติการตรวจค้น แล้วดีเอสไอจึงเข้าไปร่วมในปฏิบัติการด้วย . 4 - ซึ่งแม้ในหมายค้นจะไม่มีการระบุถึงความเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในปฏิบัติการ แต่ในทางข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้อง และยังไปถึงสถานที่พร้อมกับเริ่มปฏิบัติการตรวจค้นก่อนตำรวจ 191 จะมาถึงด้วยซ้ำ . 5 - ผลการตรวจค้นครั้งนั้น มีการระบุในบันทึกการจับกุม ว่าได้จับกุมผู้ต้องหาสตรีชาวจีนที่เป็นแม่บ้านเพียงคนเดียว กับเงินสด 2.5 ล้านบาท ทั้งที่ความจริงแล้วพบตัวผู้ต้องหาตามหมายแดงจากการข่าวถึง 11 คน กับเงินสด 8.5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อดูจากภาพคลิปในกล้องวงจรปิดที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ นำมาเปิดเผย ก็จะเห็นได้ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากบุคคลชาวจีนคนหนึ่ง โดยล่ามของดีเอสไออยู่ที่ด้านนอกบ้าน ได้เป็นเงินจำนวน 4 ล้านบาท ก่อนจะมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 11 คนไป . 6 - ด้วยข้อเท็จจริงภายใต้บริบทแบบนี้ ประกอบกับการมีเอกสารหลักฐานรายงานของ ผบ.การข่าว ถึงอธิบดีดีเอสไอ เกี่ยวกับกรณีการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ จึงเชื่อได้ว่าอธิบดีดีเอสไอ น่าจะมีส่วนรับรู้กับปฏิบัติการตรวจค้นครั้งนี้ . 7 - ทั้งนี้ จากการจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นล่ามชาวจีนได้ก่อนพยายามหนีออกนอกประเทศ ทำให้บัดนี้เจ้าหน้าที่ทราบถึงข้อมูลเส้นทางการเงินในคดีนี้แล้วว่าไปที่ไหนบ้าง ซึ่งควรจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในการทำให้ทุกคนได้รู้ว่ากระแสเงินอยู่ที่ไหน มีใครรับไปบ้าง เป็นส่วนแบ่งอยู่ที่ใคร จำนวนเท่าไร . 8 - ด้าน Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าจากกรณีดังกล่าว เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าทั้งกลุ่มทุนจีนสีเทาและผู้มีอำนาจที่ได้ประโยชน์จากการดำรงอยู่ของกลุ่มทุนจีนสีเทาเหล่านี้ กำลังปฏิบัติการเพื่อบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้อยู่ ซึ่งตนขอเรียกร้องให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมลงไปอีก ว่ามีหน่วยงานที่รับผิดชอบในคดีตู้ห่าวอื่นใดอีกบ้าง ที่อาจจะมีการทุจริตเรียกรับหรือได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มทุนจีนสีเทาเพื่อให้เคลียร์คดีให้ . 9 - สำหรับกรณีอธิบดีดีเอสไอนั้น ต้องทำให้มั่นใจได้ว่าตัวของอธิบดีเองและลูกน้องคนสนิท จะอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถมีบทบาทต่อกระบวนการตรวจสอบ จนอาจเป็นการยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เพราะฉะนั้น เพียงแค่การสั่งย้ายไปที่หน่วยงานอื่นในสังกัดกระทรวงเดียวกันย่อมไม่พอ แต่ควรให้ไปอยู่ในจุดอื่นที่เป็นการพักการทำงานไปเลย เพื่อให้กระบวนการสอบสวนเป็นไปโดยความละเอียดรอบคอบ . 10 - นอกจากนี้ เป็นไปได้ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับตู้ห่าวและทุนจีนสีเทา ไม่ได้มีแค่ดีเอสไอหรือตำรวจ แต่อาจมีคนที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่านั้นเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม ซึ่งก็ต้องเรียกร้องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้มีการสอบสวนโดยละเอียดมากกว่านี้และแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ด้วย ในฐานะที่ดีเอสไออยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงยุติธรรมโดยตรง และที่สำคัญคือรัฐบาลจะต้องหันมาเอาจริงกับเรื่องนี้ได้แล้ว.
“นี่คือผลของการไม่ยอมทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เอาแต่คิดว่าจะสืบทอดอำนาจอย่างไร หน่วยงานที่สังกัดกระทรวงต่างๆ ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่เห็นได้เลยว่าทำงานเละเทะกันไปหมด จนตอนนี้เราแยกแทบไม่ออกแล้วว่าใครคือเจ้าหน้าที่รัฐจริงๆ หรือใครคือโจรกันแน่” รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุ
ก่อนหน้านี้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พลเมืองดีแห่งปีออกมาโพสต์ เอกสารลับ ดีเอสไอ
เอกสารลับ ดีเอสไอ
.
ผู้คนสงสัยว่างานนี้เริ่มจากไหน?
.
ระหว่าง ดีเอสไอ กับ ตำรวจ
.
ใครเป็นผู้เริ่มเรื่องฉาวที่บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร
.
เพราะกลายเป็นเรื่องแผลงฤทธิ์ของจีนเทาตบท้าย
.
มีการอมเงินของกลาง และปล่อยตัวจีนเทาไป โดยมีเงินตกหล่นไปเกือบ 10 ล้าน
.
ผมได้นำคลิปเปิดเผยให้เห็นเสมือนหนึ่งนั่งอยู่ในเหตุการณ์
.
หลังจากนั้นมีการโยนกันไปมาระหว่าง ดีเอสไอ กับ ตำรวจ
.
เอกสารที่โพสต์เป็น “รายงานลับ ที่หัวหน้าชุดดีเอสไอ ได้รายงานถึงอธิบดี”
.
เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงการตรวจค้นว่า
.
เงินของกลางที่หายไป ตอนยึดไม่ได้นับว่ามีเท่าไหร่ เอาใส่ถุงแล้วนำส่ง สน.ทุ่งมหาเฆม เลย
.
(โยนความผิดไปให้ตำรวจ 191 เพราะดีเอสไอ ไม่ได้ขอหมายค้น แต่เป็นตำรวจที่ขอหมายค้น ดีเอสไอยังไม่ได้ลงรับเป็นคดีพิเศษ จึงไม่มีหน้าที่โดยตรง ไม่ได้เป็นผู้ตรวจนับ และเซ็นเอกสารการนับเงิน)
.
กรณีการขอหมายค้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอชี้แจงว่า หากรอรับเป็นคดีพิเศษจะไม่ทันการณ์ ผู้ต้องหาจะหนี
.
จึงได้ประสานตำรวจ 191 เป็นการเร่งด่วนเพื่อให้ขอหมายค้นบ้านดังกล่าว
.
(แสดงว่าเรื่องเริ่มจากดีเอสไอก่อน และแทนที่กลัวผู้ต้องหาจะหลบหนี แต่กลับปล่อยหนีไปหมดเสียเอง)
.
ท่านอธิบดีดีเอสไอคงดีใจที่ถูกเด้ง เพราะหน่วยงานดีเอสไอในระยะหลังมีแต่ข่าวฉาวมาเป็นระยะๆ
.
คงเป็นเพราะเจ้าหน้าที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนต่างมา จึงไม่มีใครคุมใครได้ และแต่ละเรื่อง วงเงินไม่ใช่น้อย แบบเดียวกับ ปปง.
.
ท่านอธิบดีจึงถูกเด้งเซ่นเรื่องจีนเทาไปอีกคนส่งท้าย
コメント