โฮมโปรได้ร่วมแสดงพลังขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ในงานแถลงข่าว "ESG Symposium 2024 - Driving Inclusive Green Transition" ซึ่งเป็นเวทีที่รวมทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความร่วมมือในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีการผนึกกำลังทุกภาคส่วน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมแถลงข่าวและพูดคุยในหัวข้อ “ขับเคลื่อนธุรกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดย HomePro” ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการสร้างธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาอย่างยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โฮมโปรในฐานะผู้นำเรื่องบ้าน เล็งเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนสินค้าในบ้าน แต่ไม่รู้วิธีจัดการสินค้าใช้แล้วที่ถูกต้อง จึงริเริ่มทำ Closed-Loop Circular Products ซึ่งเป็นการนำสินค้าที่ใช้งานแล้วจากลูกค้าโฮมโปร มาจัดการอย่างถูกวิธี โดยคัดแยกชิ้นส่วนที่สามารถนำไปรีไซเคิลใหม่ และได้ความร่วมมือจากพันธมิตรหัวใจสีเขียวอย่างเอสซีจีซี ที่มีเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนเหมือนกัน ช่วยพัฒนาสูตรพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงที่เรียกว่า Green Polymer เพื่อนำกลับมาผลิตอีกครั้งเป็นสินค้ารักษ์โลกให้กับลูกค้าโฮมโปร
ปัจจุบันโฮมโปรมีสินค้า Circular Products ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม ไปจนถึงกระเบื้อง กล่องอเนกประสงค์ ถุงช้อปปิ้ง และอื่นๆ การส่งเสริมให้เกิด Circular Products ของบริษัท ซึ่งยกระดับเสริมจุดเด่นที่แตกต่างจากรายอื่นๆ ในตลาด คือ Closed Loop Circular Products หรือการเป็นมากกว่าสินค้าเพื่อจัดจําหน่าย แต่เป็นผลผลิตตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่ง “โฮมโปร” ใส่ใจในกระบวนการกำจัดของเก่าอย่างถูกวิธี ยั่งยืน และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ด้วยจุดประสงค์ของโฮมโปร คือ การสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของลูกค้าอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน หรือ “We Make a Better Living” ตลอดจนมุ่งเน้นสร้างธุรกิจพลังงานสะอาดทั้งระบบนิเวศ รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น “ลูกค้า-พันธมิตร” ให้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2030 และเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050”
Comments